โอกาสและการเรียนรู้คือหัวใจการทำงาน: “ชลธิชา ดวงอาทิตย์”ผู้จัดการฯ อาวุโสแห่ง LEARN Corporation ที่เติบโตจากการเป็นพนักงานพาร์ตไทม์
คุณทำงานที่เดิมมานานแค่ไหน? ถ้าเราถามคำถามนี้กับใครเราเชื่อว่าต้องได้ยินตัวเลขหลากหลาย บางคนอาจตอบว่า 1 ปี บางคนอาจตอบว่า 3 ปี หรือเป็นหลักเดือน แต่ถ้าบอกว่าใครคนหนึ่งทำงานที่เดิมที่เดียวมาเป็นเวลา 10 ปี เราคงอดประหลาดใจไม่ได้ว่าองค์กรนั้นมีดีอะไรถึงดึงดูดใจคนทำงานให้เติบโตไปด้วยกันได้นานถึงเพียงนี้?
ไม่เพียงแค่องค์กรที่ดีเท่านั้น แต่เราคงยิ่งอยากรู้ไปอีกถ้าคนทำงานคนนั้นไม่ใช่แค่ทำงานนาน แต่ทำงานได้ดี เก่ง และเต็มไปด้วยทัศนคติเชิงบวกพร้อมเผชิญทุกความท้าทายและอุปสรรคไปพร้อม ๆ กับองค์กรจนตัวคนนั้นก็เก่งขึ้นทุกวัน ๆ
เรากำลังพูดถึง “ชลธิชา ดวงอาทิตย์” หรือ อ้อ ผู้จัดการการตลาดสาขาอาวุโสแห่ง OnDemand เธอดูแลสาขาหลักคือศรีนครินทร์ และดูสาขาย่อยที่สมุทรปราการและวิสุทธิกษัตริย์ เธอทำหน้าที่บริหารสาขา ดูแลยอดขาย กำไรขาดทุน ไปยันเรื่องการตลาด เรียกว่าครบทั้งบริหารยอดขาย บริหารคน พ่วงการดูแลลูกค้าด้วย
อ่านมาถึงตรงนี้เราคงคิดว่าเธอน่าจะจบการตลาดโดยตรง มีความรู้อัดแน่น มีศักยภาพโดดเด่นจน OnDemand ภายใต้ LEARN Corporation ดึงตัวเธอมาทำงาน แต่ผิดถนัด เพราะ “ชลธิชา ดวงอาทิตย์” ผู้จัดการการตลาดสาขาอาวุโสแห่ง OnDemand ไม่ได้จบการตลาดโดยตรงด้วยซ้ำ! ที่สำคัญเธอเริ่มเดินบนเส้นทางแห่งการทำงานด้วยการเป็นพนักงานพาร์ตไทม์ตัวเล็ก ๆ ที่ยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าจะได้ทำงานประจำต่อหรือเปล่า?
แต่เพราะโอกาส การเรียนรู้ คือหัวใจของการทำงาน ไม่ใช่แค่กับตัวเธอเท่านั้น แต่คือหัวใจการทำงานของ LEARN Corporation ที่สามารถดึงดูดใจคนทำงานให้เป็นสุขและพัฒนาตัวเองได้จนประสบความสำเร็จเช่นทุกวันนี้ และนี่คือบทสนทนาที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้คุณเข้าใจหัวใจการทำงานอย่างเป็นสุขและเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ
จากพนักงานพาร์ตไทม์ที่ไม่ได้เรียนการตลาดสู่ผู้จัดการการตลาดฝีมือไม่ธรรมดาเพราะได้รับ “โอกาส”
เราทุกคนล้วนมีศักยภาพอยู่ในตัวเอง บางครั้งมีคนเห็นศักยภาพของเรา แต่หลายครั้งเราก็ยังย่ำอยู่ที่เดิมไม่ไปไหนเพราะไม่ได้รับ “โอกาส” ให้แสดงศักยภาพได้เต็มที่ ต่างจากคุณชลธิชาที่แม้ไม่ได้เรียนเรื่องการตลาดมาโดยตรงและเริ่มต้นถนนแห่งการทำงานจากการเป็นพนักงานพาร์ตไทม์ แต่ OnDemand ภายใต้ LEARN Corporation ก็เล็งเห็นศักยภาพ ความมุ่งมั่นตั้งใจของเธอจึงเปิดพื้นที่ให้เธอสามารถแสดงความสามารถออกมาได้อย่างทรงพลัง
“จริง ๆ ทำงานที่ OnDemand ตั้งแต่เป็นพนักงานพาร์ตไทม์ ตอนแรกเข้ามาเราก็เหมือนพาร์ตไทม์ทั่วไป ทำงานตามที่พี่ ๆ พนักงานมอบหมาย ทั้งจองเวลาเรียน สอนน้องนักเรียนจองเวลาเรียน พอเราเริ่มทำหลาย ๆ อย่างมากขึ้น ก็เริ่มด้วยการแนะนำลูกค้า ช่วยพี่ ๆ นับจำนวนตำรา”
“ไม่จบการตลาดโดยตรง เราเรียนมนุษยศาสตร์มา แต่ที่ทำได้เพราะเราทำมานาน เพราะเรามีคนสอนที่ดี และทุกคนที่นี่ช่วยกันทำงาน เราทำคนเดียวไม่ได้แน่ถ้าไม่มีทีมงาน ไม่มีเพื่อนร่วมงาน ไม่มีหัวหน้าที่คอยช่วยเหลือ สนับสนุน”
“โอกาสสำคัญมาก จริง ๆ การที่เราทำงานที่ได้ตั้งแต่แรกก็เพราะโอกาสเลยค่ะ ย้อนกลับไปตอนเป็นพาร์ตไทม์ ตอนนั้นมีคนทดลองเป็นพาร์ตไทม์ 2 คน เขาก็ต้องเลือกแค่คนเดียว ตอนนั้นเราก็ทำไปโดยที่ไม่รู้ว่าพี่เขาจะเลือกเราไหม แต่เราต้องเต็มที่ แต่โอกาสที่เราได้รับ คือการที่เราได้รับเลือก ถ้าไม่ได้รับโอกาสตอนนั้นเราก็คงไม่ได้มาถึงทุกวันนี้”
“อันดับแรกที่เราได้รับโอกาสมาปุ๊ป พอเป็นพาร์ตไทม์ ได้สามเดือน ผู้จัดการก็มาคุยสนใจเป็นพนักงานประจำมั้ย เราก็ลองดู จากนั้น 1 ปี พอปีที่ 2 ก็ได้รับโอกาสลองเป็น Action ผู้จัดการ นี่เป็นโอกาสแรกที่เรายังไม่รู้เลยว่าเราจะทำได้มั้ย แต่เรารู้สึกว่าโอกาสมาแล้ว เราต้องคว้าไว้ก่อน นี่จึงเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เราได้ค่อย ๆ ขยับจากรองผู้จัดการ เป็นผู้จัดการ พอบริษัทเติบโตขึ้นเราก็ได้ขยับขึ้นตามโครงสร้างจนกระทั่งมาถึงจุดนี้”
“สิ่งที่เราภูมิใจที่สุด ณ ตอนนี้ก็คือสาขาศรีนครินทร์ เป็นสาขาที่เรามีส่วนร่วมมาตั้งแต่แรกเริ่ม เริ่มทำตลาด เป็นผู้จัดการเต็มตัวสาขาแรก เรารู้สึกเหมือนสร้างมันมากับมือ เราเห็นสาขาเราเติบโต ปีแรกที่เปิดเป็นสาขาร่วมกับเอนคอนเซปต์ มีเครื่องคอมพิวเตอร์แชร์กันราว ๆ สามสิบกว่าเครื่อง จากปี 2557 ตอนนี้สาขาเราเติบโตขึ้น เครื่องคอมพิวเตอร์ขยายเป็น 300 กว่าเครื่อง
สาขาเติบโต ยอดขายก็เติบโตเรื่อย ๆ อาจจะไม่ได้เป้าทุกเดือน แต่ไม่เคยติดลบ เราเห็นสิ่งที่เราร่วมสร้างมากับมือ เติบโตมากับตัวเรา เติบโตมากับน้อง ๆ ในทีม”
“โอกาส มันเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าเราไม่คว้าเอาไว้ เราก็ไม่มีโอกาสได้เติบโต เราก็ต้องขอบคุณหัวหน้า เพื่อนร่วมงาน ผู้ใหญ่ที่ทุกคนเห็นความสามารถของเรา”
“โอกาส” จึงไม่แค่สิ่งที่องค์กรเห็นค่าเท่านั้น แต่เพราะคุณชลธิชา เห็นคุณค่าและคว้าโอกาสนั้นไว้ แม้จะเป็นเรื่องใหม่ที่ตัวเองไม่เคยรู้มาก่อน แต่เธอก็เชื่อว่าต้องคว้าโอกาสไว้เพื่อทำให้ดีที่สุด ในขณะเดียวกันบรรยากาศแห่งการทำงานที่ OnDemand ภายใต้ LEARN Corporation ซึ่งทำงานเป็นทีม ไม่ปิดกั้นการเรียนรู้ก็ยิ่งทำให้คุณชลธิชาได้พัฒนาตัวเองขึ้นทุกวัน ๆ จนกระทั่ง เรื่องการตลาดไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเธออีกต่อไป
“การเรียนรู้” ไม่จำกัดอายุ: ที่ LEARN Corporation อายุเท่าไหร่ก็เติบโตได้แค่มีศักยภาพ
แม้องค์กรหลายแห่งจะออกตัวว่ายินดีให้โอกาสต่อคนทำงานทุกคน แต่ก็ไม่วายใช้เงื่อนไขเรื่องอายุหรือเวลาการทำงานเป็นตัวกำหนดว่าคนไหนเก่ง ไม่เก่ง หรือคนไหนควรโตหรือไม่ควรโต ซึ่งต่างจากการทำงานที่ LEARN Corporation อย่างสิ้นเชิง เพราะที่นี่ไม่ว่าอายุเท่าไหร่คุณก็มีสิทธิเรียนรู้และเติบโตไปด้วยกัน….
“ที่นี่ไม่ปิดกั้นการเรียนรู้ ไม่ได้ปิดกั้นคนอายุน้อย เด็กรุ่นใหม่ ถ้าคนคนนั้นสามารถพิสูจน์ความสามารถ ความตั้งใจและทัศนคติ หัวหน้าพร้อมที่จะสนับสนุน ไม่เหมือนบริษัทอื่น ๆ ที่มีเงื่อนไขเรื่องเวลาว่าคุณต้องทำงาน 2 ปีนะ 3 ปีนะ คุณถึงจะเติบโตได้ แต่ที่นี่เป็นองค์กรที่เรียนรู้และให้โอกาสตลอดเวลา ถ้าความสามารถเราพร้อม เราก็สามารถเติบโตในสายงานของตัวเอง และเรายังสามารถขยายและเปลี่ยนไปสายงานอื่น ๆ ได้”
“ตอนนี้ก็ยังคิดว่าตัวเองยังต้องฝึกอยู่ตลอด บริษัทเติบโต เราก็ต้องเรียนรู้เพื่อเติบโตอยู่ตลอด และต้องเรียนรู้เพื่อตัวเราและเพื่อส่งต่อให้น้องในทีม เขาจะได้รู้ข้อมูลเพื่อเข้าใจและมีเป้าหมายร่วมกัน”
คุณชลธิชาสามารถพูดกับเราได้เต็มปากเต็มคำว่าเธอประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้ได้เพราะที่นี่ไม่เคยปิดกั้นเรื่องการเรียนรู้ โดยเฉพาะคนทำงานอย่างเธอที่เติบโตมาจากการเป็นพนักงานพาร์ตไทม์ ไม่เพียงการเติบโตเท่านั้น แต่ที่นี่ยังสนับสนุนการเรียนรู้ที่หลากหลายและการเรียนรู้ที่ไม่มีวันสิ้นสุด จนคนทำงานสามารถเลือกทำงานได้หลายแขนงเพื่อพัฒนาตัวเองอย่างไม่หยุดยั้ง และนั่นเป็นเหตุผลที่เมื่อคุณชลธิชาเติบโตขึ้นมาในระดับบริหาร เธอก็เลือกบริหารลูกน้องในทีมด้วยวิธีการที่เปิดกว้างเช่นเดียวกับที่เธอเคยได้รับมา
“เราอยู่ที่นี่ได้นานขนาดนี้เพราะเพื่อนร่วมงาน เราไม่เคยมองว่าน้องในทีมเป็นลูกน้อง เรามองเขาเป็นเพื่อนร่วมงานที่มีอะไรก็ช่วยเหลือกัน ทั้งเพื่อนร่วมงานที่อยู่ในทีมเดียวกัน ทั้งสาขาในกรุงเทพฯ หรือแม้แต่สาขาต่างจังหวัดที่เรามีโอกาสได้ไปร่วมงาน บริษัทเรามันไม่ได้อยู่กันไม่กี่คน แต่เรารู้จักกันทั้งองค์กร ช่วยเหลือกันหมด”
“ผู้บริหารก็น่ารัก เขาไม่มองเราว่าเป็นแค่พนักงาน แต่เขามองว่าเราเป็นน้องคนหนึ่ง พยายามหาอะไรก็ตามที่ช่วยให้พนักงานมีรายได้เพิ่มขึ้น”
การที่คุณชลธิชาได้รับสิ่งดี ๆ โอกาส การเรียนรู้จากผู้ใหญ่ยิ่งทำให้เธออยากส่งต่อให้น้องในทีมอย่างไม่มีข้อจำกัด หลายครั้งเธอลงไปสอนเองแบบตัวต่อตัว ทำให้เห็นชัดว่าการทำงานในองค์กรที่เปิดกว้างและเต็มไปด้วยการแบ่งปัน ไม่ว่าใครจะอายุเท่าไหร่ ถือเป็นบรรยากาศการทำงานที่ช่วยส่งเสริมศักยภาพขององค์กร ตัวเราเอง และทุกคนในทีมได้อย่างแข็งแกร่ง
“นอกจากเรื่องการบริการ ความเป็นผู้ใหญ่เราก็สามารถส่งต่อให้น้องในทีม รวมถึงการบริการที่เราพยายามส่งต่อให้น้อง ๆ ในทีมตลอด เพราะเวลาเข้ามาทำงานคนมาจากร้อยพ่อพันแม่ เราก็จะพยายามเข้าหาน้องแต่คน และพยายามทำให้ตัวเองเป็นแบบอย่างให้น้อง เพราะทีมจะดีไม่ได้ ถ้าเราเป็นตัวอย่างให้น้องไม่ได้ ทั้งการบริการ ทัศนคติในการคิด เราพยายามทำให้น้องเห็นเราเป็นแบบอย่าง”
“บางคนเข้ามาเขาก็ไม่ได้ชอบงานบริการ แต่เราจะทำยังไงให้เขาเปลี่ยนความคิดและสามารถอยู่กับงานตรงนี้และทำให้ชอบให้ได้ รักองค์กรอาจไม่รักเท่าเรา แต่เราค่อย ๆ ส่ง ค่อย ๆ ปรับ ค่อย ๆ เปลี่ยนให้เขา อาจเปลี่ยนไม่ได้ทั้งหมด แต่มันก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้น้องอยู่กับบริษัทเราได้นาน”
คุณชลธิชาไม่เพียงแค่สอนเท่านั้น แต่เธอเชื่อว่าวิธี “การเรียนรู้” ที่ดีที่สุดคือการได้เห็นเองจากผู้ใหญ่ เช่นเดียวกับที่เธอได้เรียนรู้การทำงานจากพี่ ๆ ในทีมจนกระทั่งเติบโตขึ้นมาได้อย่างทุกวันนี้ แม้กระทั่ง “โอกาส” ในวันที่เธอพลั้งพลาดไป และผู้ใหญ่ให้โอกาสเธอได้แก้ไข เรียนรู้และปรับปรุงจนทำให้เธอมีทัศนคติเดียวกันกับน้อง ๆ ในทีมของเธอ
“ต้องแสดงให้เขาเห็น เป็นสิ่งสำคัญเลย ทั้งการบริการ วิธีดูแลลูกค้า การพูดกับลูกค้า เราต้องทำให้น้องในทีมเห็น เพราะถ้าเราไม่ทำให้น้องเห็น น้องก็ไม่ทำแน่นอน อันดับแรก ถ้ามีน้องในทีมเข้าใหม่มา เราจะเทรนน้องด้วยตัวเอง จะสอบด้วยตัวเอง ตั้งแต่เรื่องวิธีการพูด เราจะให้หลักไปก่อน ส่วนน้องอาจจะเอาไปดัดแปลงให้เป็นภาษาตัวเอง หรือมีวิธีอะไรของแต่ละคน เขาก็จะไปปรับใช้ แต่ต้องทำให้เขาดู ให้เป็นแบบอย่าง
เวลาน้องในทีมทำอะไรที่ไม่ถูกต้องเราก็ ถ้าไม่ได้ผิดพลาดร้ายแรง เราก็จะให้น้องพูดให้จบก่อน ไม่ขัดเขาตรงนั้น เพราะเขาจะเสียความมั่นใจ แล้วหลังจากนั้นเราค่อยแนะนำเขาอีกทีว่าควรพูดแบบไหน”
“เราบอกน้องในทีมทุกอย่างอะไรต้องจัดการอย่างไร เพราะอนาคตเราก็ไม่ได้อยู่ที่สาขาตลอดเวลา เมื่อเขาอยู่โดยไม่มีเราเขาจะได้จัดการเองเป็น และรู้กระบวนการทำงานทั้งหมด”
“ช่องทางไหนที่จะทำให้เขาพัฒนาตัวเองหรือได้ประโยชน์เพิ่มเราก็บอก เขาจะได้รู้ว่าเขามีเส้นทางการเติบโตไปในทิศทางไหนได้บ้าง บริษัทเราเป็นบริษัทของคนรุ่นใหม่ ไม่จำเป็นต้องมีเกณฑ์เรื่องเวลาถึงจะเติบโตได้ การที่น้องรู้ภาพรวมและเห็นหนทางของตัวเอง รวมถึงน้องมีความสามารถ ถ้าเราเห็นเราก็สามารถมอบหมายงาน เป็นบันไดผลักดันน้องให้เติบโตขึ้นไป”
น้ำเสียงคุณชลธิชาตอบเราอย่างเต็มไปด้วยความสุขและความหวัง เพราะวันนี้ วันที่เธอกำลังผลักน้อง ๆ ในทีมแต่ละคนขึ้นบันไดเพื่อไปสู่การเติบโตที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ ย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีก่อน เธอก็เคยได้รับโอกาสให้ขึ้นบันไดมาเช่นกัน และเธอทำมันอย่างดีที่สุดจนอยากเห็นน้อง ๆ ในทีมทำออกมาให้ได้ดีที่สุดเช่นกัน
ยอดขายก็สำคัญ แต่หัวใจนักเรียนสำคัญกว่า “เพราะลูกค้าคือครอบครัวของเรา”
แม้คุณชลธิชาจะได้ชื่อว่าเป็นผู้จัดการการตลาดอาวุโสมือทอง ไม่ว่าสาขาไหนมีปัญหาเรื่องยอดขาย ส่งเธอไปทุกอย่างก็จะคลี่คลายได้อย่างน่าอัศจรรย์ แต่อีกทางหนึ่งเธอก็พูดกับเราด้วยน้ำเสียงมั่นคงว่าลูกค้าคือครอบครัว ต่อให้เธออยากขายให้ถึงยอดถึงเพียงใด แต่การทำงานกับ LEARN Corporation ทำให้เธอใส่ใจ “สิ่งที่ดีที่สุดต่อผู้เรียน” เธอจะไม่ยัดเยียดอะไรเกินความต้องการเพื่อให้น้อง ๆ นักเรียนสามารถไปภึงความฝันได้โดยไม่ต้องฝืนตัวเองเกินไป
“ผู้ปกครองของน้องนักเรียนบางคนมีความเชื่อว่าลูกเขาต้องเป็นวิศวะ แพทย์ หรือบางทีคุณแม่ชอบบังคับให้ลูกเรียน บางทีเราก็ต้องใช้วิธีการพูดโน้มน้าวให้ผู้ปกครองกับน้องนักเรียนเข้าใจกัน เป็นศิลปะการพูด”
“เราไม่ได้แค่ขายของ แต่เราเป็นตัวกลางในการสื่อสาร ในการช่วยแนะนำระหว่างน้องและผู้ปกครอง จริง ๆ เราก็อยากขาย อยากได้ยอดได้เป้า แต่เราก็นึกถึงลูกค้าเป็นหลัก บางทีลูกค้ากำเงินมาสามหมื่น ถามว่าเราอยากได้มั้ย? เราก็อยากได้ แต่ถ้าสิ่งนั้นมันยังไม่เหมาะกับเขา หรือมันยังไม่ถึงเวลาที่เขาจะต้องเรียน เราก็จะวางแผนให้เขาว่าค่อยเรียนอะไรช่วงไหนที่จะเหมาะกับเขาที่สุด เราไม่ได้แค่ขาย แต่เรานึกถึงตัวผู้เรียนและความเหมาะสม เหมือนเป็นครูนอกโรงเรียน ครูแนะแนว ที่ให้น้องนักเรียนได้สิ่งที่เหมาะสมที่สุดกับเขา”
ไม่เพียงแค่เลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า แต่การได้ทำงานกับองค์กรที่ทำงานด้านการศึกษาที่ทำให้สังคมดีขึ้น ยิ่งทำให้คุณชลธิชาภาคภูมิใจกับงานที่เธอทำ เพราะสำหรับเธอกำไรในชีวิตไม่ได้เป็นแค่ตัวเงิน แต่หมายความถึงความฝันของน้อง ๆ นักเรียนที่เป็นจริงและสังคมที่ค่อย ๆ ดีขึ้น
“แล้วเราก็ภูมิใจที่ได้ทำงานกับบริษัทที่ช่วยสร้างน้อง ๆ อนาคตของชาติไปถึงฝัน และบริษัทเราทำเพื่อสังคม เราไม่ได้หวังแค่ผลกำไรเป็นตัวเงิน เราทำเพื่อน้องนักเรียน และเราทำเรื่องการเรียนรู้ที่ไม่สิ้นสุดกับคนทุกวัย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ช่วยให้สังคมเราดีขึ้น”
“ความสุข” อีกกุญแจสำคัญที่ LEARN Corporation มอบให้คนทำงาน
โอกาส การเรียนรู้ ถือเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้คุณชลธิชาเติบโตและทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ แต่อีกปัจจัยที่ทำให้คุณชลธิชาสามารถทำงานที่ LEARN Corporation มาตลอด 10 ปี คือความสุขอันยั่งยืนที่องค์กรอื่น ๆ อาจหลงลืมไป
“งานที่นี่ งานบริการทำให้ตัวเราเปลี่ยนทัศนคติไป เรามีน้องบางคนจบไปแล้ว สอบติดไปแล้ว กลับมาเราที่สาขา เรารู้สึกว่าเราดีใจที่เราเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้น้องไปถึงสิ่งที่เขาฝัน ถึงความสำเร็จ นอกจากน้องก็มีผู้ปกครอง เพราะผู้ปกครองเขาไม่ได้มองเราเป็นแค่พนักงานหน้าเคาน์เตอร์ เขามองเราเป็นครอบครัว”
“การทำงานตรงนี้ เราไม่ได้ได้แค่สังคมการทำงาน แต่เราได้มีสังคมที่กว้างขึ้น ทำให้เราเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตัว เข้าใจคนอื่นมากขึ้น และทำให้เราชอบช่วยเหลือคนอื่น เรายังคิดเลยว่าถ้าออกจากบริษัท ดูแลตัวเองและครอบครัวได้แล้ว ก็อยากทำอะไรให้คนในหมู่บ้านมีอาชีพและรายได้”
“เราก็เลยมีความสุขที่ได้ทำงานร่วมกับบริษัทที่ทำเรื่องการศึกษาซึ่งช่วยให้น้องนักเรียนไปถึงสิ่งที่ฝัน และช่วยให้ทุกคนมีชีวิตที่ดีขึ้น”
เพราะสำหรับคุณชลธิชาการได้ร่วมงานกับองค์กรที่เห็นความสำคัญของการศึกษาอย่าง LEARN Corporation ทำให้เธอเห็นคุณค่าของการพาน้อง ๆ นักเรียนไปถึงความฝัน เห็นคุณค่าของการทำให้สังคมค่อย ๆ ดีขึ้นผ่านการเรียนรู้ที่ไม่มีวันสิ้นสุด
แต่ขณะเดียวกัน LEARN Corporation ก็ไม่เคยละเลยคนทำงาน และมีทีมที่เป็นเหมือนคนในครอบครัวซึ่งถือเป็นอีกความสุขที่หล่อเลี้ยงคนทำงานเสมอมา
“เพื่อนร่วมงาน ทีมงาน คือความสุขของการทำงาน เราทำงานที่นี่ได้เพราะเพื่อนร่วมงานที่เราอยู่กันแบบครอบครัว บริษัทเติบโตขึ้นแต่เราก็ยังเป็นพี่น้อง ผู้บริหารก็เห็นเราเป็นครอบครัวอยู่ ไปจนถึงสวัสดิการที่ไม่ได้ครอบคลุมแค่ของตัวเราคนเดียว แต่รวมถึงพ่อแม่เราด้วย ที่นี่ไม่ได้ถึงแค่เราที่เป็นคนทำงานแต่ใส่ใจคนในครอบครัวเราด้วย”
คุณทำงานที่เดิมมานานแค่ไหน? ถ้าเราถามคำถามนี้กับคุณอีกครั้งคุณจะตอบเราว่าอย่างไร และถ้าเราถามว่า “องค์กรแบบไหนที่คุณอยากทำงานด้วยนาน ๆ ?” ชื่อของ LEARN Corporation คงผุดขึ้นมาในหัว เพราะที่นี่ไม่เพียงมีบรรยากาศการทำงานแบบคนรุ่นใหม่ที่เปิดโอกาสให้คุณได้ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่หรือเรียนจบอะไร ขอเพียงรักในการเรียนรู้ เพราะที่ LEARN Corporation เรียนรู้กันอย่างเข้มข้น และไม่กีดกันใคร ขอแค่มีศักยภาพพกมาเต็มกระเป๋า ที่สำคัญยังมุ่งส่งต่อสิ่งดี ๆ สู่สังคมเพื่อเป็นความสุขช่วยหล่อเลี้ยงหัวใจคนทำงาน
อย่างที่เรื่องราวของ “ชลธิชา ดวงอาทิตย์” หรือ อ้อ ผู้จัดการการตลาดสาขาอาวุโสแห่ง OnDemand พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าแม้จะเริ่มต้นจากกาเป็นพนักงานพาร์ตไทม์ตัวเล็ก ๆ ที่ไม่ได้เรียนเรื่องการตลาด สามารถได้รับโอกาส เรียนรู้ จนกระทั่งเติบโตเป็นผู้จัดการการตลาดฯ ที่องค์กรภาคภูมิใจได้อย่างงดงาม โอกาสนี้ก็เป็นของคุณได้เช่นกัน…