Job hopper คือ อะไร เปลี่ยนงานบ่อยผิดไหม หรือควรเตรียมคำตอบกับที่ใหม่ยังไงดี?
เชื่อว่าใครหลายคนต่างเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง เทรนด์ Job hopper เลยเกิดขึ้น คำว่า “ไม่อดทน” อาจเป็นความคิดแค่มุมมองเดียว แต่อย่าลืมว่าเป้าหมายของแต่ละคนเปลี่ยนไปในทุกวัน แถมไม่เหมือนกันอีกต่างหาก Job hopper คือ อะไร แล้วถ้าคุณคือ Job hopper ล่ะ? แน่นอน คุณมีสิทธิ์เต็มที่ในการกำหนดชีวิตตัวเอง แต่การตัดสินใจเปลี่ยนงานครั้งนี้มันถูกต้องหรือไม่ มีเพียงตัวคุณเท่านั้นที่สามารถตอบคำถามนี้ได้ดีที่สุด
Job hopper คือ ใคร
Job hopper หรือรู้จักกันในชื่อ “คนที่เปลี่ยนงานบ่อย ๆ” โดยทั่วไปมีอายุการทำงานในแต่ละที่ไม่เกิน 2 ปี ในสายตาคนอื่นอาจจะมองกลุ่มคนนี้ว่าไม่สู้งาน แต่จริง ๆ แล้วอาจมีเหตุผลแตกต่างกันไป เช่น ต้องการความท้าทายใหม่ ความก้าวหน้าในสายอาชีพ เงินเดือนที่สูงขึ้น หรือ วัฒนธรรมองค์กรไม่ตอบโจทย์ เป็นต้น ดังนั้น หากคุณเป็นคนคนหนึ่งที่อยู่บนเส้นทาง Job hopper การเตรียมตัวและเตรียมคำตอบแบบมืออาชีพก่อนสัมภาษณ์งานกับที่ใหม่ เป็นสิ่งที่จะช่วยให้ผู้สัมภาษณ์เข้าใจถึงเป้าหมายและไม่ตัดสินคุณเร็วเกินไป
How to การเตรียมตัวสัมภาษณ์งานฉบับ Job hopper
- ปรับแต่ง Cover Letter
จุดสำคัญ คือ การระบุประวัติการทำงานในจดหมายสมัครงานที่แนบเรซูเม่ไว้ ชี้แจงถึงสาเหตุที่ลาออกในเชิงบวก รวมถึงอธิบายวัตถุประสงค์ในการสมัครงานให้ชัดเจน เข้าใจง่าย แสดงให้คนอ่านเห็นถึงความตั้งใจในการสมัครงานกับบริษัทนั้นจริง ๆ
- ปรับโครงสร้างเรซูเม่
โดยปกติคนส่วนใหญ่มักจะเรียงประวัติการทำงานแบบ Timeline แต่รูปแบบนี้ไม่เหมาะกับคนที่เปลี่ยนงานบ่อย เพราะจะทำให้คนอ่านเกิดคำถามได้ว่าทำไมทำงานแต่ละที่ได้ไม่นาน สิ่งที่ควรใส่ในเรซูเม่แทน คือ การเขียนลงรายละเอียดเฉพาะผลงานที่โดดเด่น เขียนคุณสมบัติที่เน้นทักษะและความสำเร็จมากกว่าประสบการณ์ หรือระบุวิธีในการพัฒนาทักษะในตำแหน่งที่ทำ
- เตรียมคำตอบสัมภาษณ์
คำถามยอดฮิตในการสัมภาษณ์งาน สำหรับชาว Job hopper คงหนีไม่พ้น สาเหตุของการย้ายงาน แต่ไม่ต้องกลัว เราสามารถอธิบายให้ผู้สัมภาษณ์ฟังในเชิงบวกได้ ใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนงานมาสร้างข้อได้เปรียบ เช่น การเอาทักษะจากงานเก่ามาต่อยอดกับตำแหน่งที่สมัครได้ยังไง หรือ ความสามารถในการปรับตัวได้เร็ว เป็นต้น
- บอกเหตุผลไปตรง ๆ
การพูดเหตุผลตรง ๆ กับผู้สัมภาษณ์ ถึงการเลือกเปลี่ยนงาน ไม่ใช่เรื่องน่ากลัวเลย กลับกัน การทำแบบนี้ดูเป็นความจริงใจด้วยซ้ำไป แต่ต้องพูดในเชิงบวกนะ คำถามนี้จะช่วยเราสังเกตผู้สัมภาษณ์ได้ว่ากำลังกังวลกับเราในเรื่องใดบ้าง เราจะได้รับมือได้อย่างถูกต้อง
